การเลือกซื้อเก้าอี้ทำงาน
การเลือกซื้อที่ดีที่สุดนั้น
ผู้ที่เป็นคนนั่งควรจะมาเลือกซื้อเอง และได้มีโอกาสลองนั่งดูเอง โดยกระทำดังต่อไปนั้
เมื่อผู้เลือกซื้อ ได้ลองนั่งเก้าอี้ที่ต้องการแล้ว
ต้องสังเกตเท้าตนเองสามารถเหยียบแบนราบที่พื้นโดยที่น่องอยู่ระดับเดียวกับเบาะรองนั่งอย่างพอเหมาะ
ส่วนหน้าของเบาะเก้าอี้ควรเป็นทรงโค้งมนเพื่อให้เลือดบริเวณน่องหมุนเวียนได้ดี
และเมื่อนั่งที่เบาะควรรู้สึกสบาย น้ำหนักตัวกระจายสม่ำเสมอตลอดที่นั่ง
พนักพิงก็เช่นกัน นั่งแล้วรู้สึกสบาย ยิ่งถ้าเป็นพนักพิงลักษณะ
มีส่วนโค้งเว้าตามสรีระของผู้นั่ง จะทำให้รู้สึกสบายมากยี่งขึ้น
คุณสามารถเลือกเก้าอี้ที่สามารถปรับได้ตามที่คุณต้องการอีกด้วยซึ่งสิ่งที่คุณจะต้องพิจารณาคือ
1. ถ้าคุณชอบที่จะเอนเก้าอี้ไปข้างหลัง
คุณต้องแน่ใจเสียก่อนว่าเก้าอี้นั้นจะไม่ทำให้คุณปวดคอในภายหลัง
2.
ถ้าคุณชอบนั่งลักษณะที่เอนการไปข้างหน้า
คุณสามารถเลือกเก้าอี้ที่สามารถปรับเอนไปข้างหน้าได้ ซึ่งจะมีประโยชน์มาก
เพราะจะทำให้ส่วนสะโพกสูงกว่าหัวเข่า ทำให้นั่งสบายกว่า
3. ในส่วนทื่วางแขน(ถ้ามี)
คุณควรเลือกเก้าอี้ที่สามารถเลื่อนเข้าไปเก็บส่วนที่วางแขนใต้โต๊ะทำงานหรือใต้ที่วางคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ได้ด้วย
คุณควรพิจารณาสภาพของห้องด้วย
เพื่อเลือกลูกล้อของเก้าอี้ให้เหมาะสม ถ้าพื้นห้องเป็นพรม ควรใช้ลูกล้อที่ทำจากวัสดุที่แข็ง
ถ้าพื้นห้องทำจากวัสดุที่เป็นรายง่าย ควรใช้ล้อที่ทำจากวัสดุที่นุ่ม
การเลือกซื้อเก้าอี้จำนวนมาก
ในกรณีที่คุณจะซื้อเก้าอี้ทำงานจำนวนมากๆ
เพื่อใช้ในบริษัทคุณควรจะเลือกเก้าอี้ที่มีลักษณะปรับเข้ากันได้กับผู้ทำงานส่วนใหญ่
เก้าอี้ทำงานมีอยู่ 2 ชนิดใหญ่ๆ ที่คุณสามารถเลือกตามใจชอบได้
1.
เก้าอี้ที่สามารถปรับตำแหน่งได้หลายทาง
2.
เก้าอี้ธรรมดาที่ปรับได้แต่ตามกริยาของร่างกาย
อย่างน้องที่สุด เก้าอี้ทำงานควรปรับความสูงของที่นั่ง
และเอนหลังได้
การเลือกซื้อกับพ่อค้าคนกลาง
บริษัทส่วนใหญ่ที่ชอบเฟอร์นิเจอร์คุณภาพปานกลางถึงคุณภาพสูงมักจะซื้อผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งรับต่อมาจากผู้ผลิต
หรือรับจากผู้ขายส่งรายใหญ่อีก
ข้อได้เปรียบจากการติดต่อซื้อขายกับพ่อค้าคนกลางคือ
เราจะได้แบบเฟอร์นิเจอร์ที่หลากหลาย
และเราสามารถตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ตัวอย่างได้ง่ายกว่า
บริษัทที่มีแผนที่จะสั่งของจำนวนมากยัง
สามารถนำเฟอร์นิเจอร์มาทดลองใช้ก่อนได้อีกด้วย
การซื้อโดยตรงจากผู้ผลิต
การซื้อตรงเป็นทางเลือกทางหนึ่งสำหรับบริษัทที่ต้องการ
สินค้าราคาประหยัดถึงราคาปานกลาง
เนื่องจากโรงงานผู้ผลิตที่เราไปติดต่อไม่ต้องเสียค่าโชว์สินค้า
ค่าสถานที่ ฯลฯ
ราคาสินค้าจึงถูกกว่าสินค้าของพ่อค้าคนกลางถึง 20 – 40 % ซึ่งจะยิ่งถูกขึ้นถ้าคุณซื้อเป็นจำนวนทีละมากๆ
อย่างไรก็ตาม คุณไม่สามารถทดลองสินค้าได้ก่อนซื้อ
อย่างมากก็ส่งได้แค่ตัวอย่าง เนื้อผ้า หรือ ตัวอย่างไม้
ถ้าคุณมีแผนที่จะซื้อโดยตรงจริงๆ อย่างน้อย
ควรทดลองซื้อมาใช้ดูก่อนซักตัวก่อนซื้อจำนวนมาก และจำไว้เสมอว่าหากคุณไม่พอใจ
และคืนสินค้า คุณยังจะต้องรับผิดชอบค่าขนส่ง และค่าซ่อมแซมสินค้าอีกแพงริบ
การซื้อสินค้าจากห้างสรรพสินค้า
ที่ห้างสรรพสินค้า คุณจะได้เหรียบหลายอย่าง เพราะสั่งสินค้าเป็นจำนวนมาก
ทำให้สินค้าราคาถูก และคุณสามารถเลือกและลองสินค้าได้ทันที
เพราะสินค้าอยู่ตรงหน้าคุณ
ข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งคือ
ทางห้างสรรพสินค้ามักจะส่งสินค้าให้คุณโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
แต่แม้กระนั้น ห้างสรรพสินค้าก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกของบริษัทใหญ่
เพราะสินค้าของที่นี่ จะเป็นประเภทใช้ในบ้าน ซึ่งออกแบบไม่ค่อยสบาย หรือทนทานนัก
และอีกประการหนึ่ง ตัวเลือกสินค้าก็มีน้อย
ราคา
ราคาสำหรับเก้าอี้ทำงานดีๆ สักตัว บริษัทควรประมาณราคาไว้ที่
650-1500 บาท ในขณะที่ราคาเก้อี้คุณภาพสูง ราคาจะแพงกว่า ประมาณ 1500 บาท ขึ้นไป
สำหรับบริษัทที่ต้องการเก้อี้ทำงานราคาประหยัดตลาดมีขายเช่นกัน
ซึ่งราคาจะราวๆ 500 บาท ต่อตัว ซึ่งจะมีขายที่บริษัทขายส่ง และห้างสรรพสินค้า
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ
สำหรับการเลือกซื้อ
สอบถามเรื่องการซ่อมแซม
สอบถามผู้ซื้อก่อนว่าถ้าต้องซ่อมแซม
จะมีอะไหล่มั๊ย หรือมีสินค้ามาให้ใช้แทนขณะที่ส่งของซ่อม และถ้าต้องมาการขนส่ง
ใครจะเป็นคนที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้า
การลดราคา
การลดราคาสินค้าราคาสูง
ถ้าคุณซื้อขายปลีกสามารถลดได้ถึง 30 % แม้ว่าจะซื้อเฟอร์นิเจอร์เพียง 1 ชิ้น
และยิ่งซื้อมาก ก็จะได้รับส่วนลดมากขึ้น ซึ่งอาจลดได้ถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
การทดลองสินค้า
ถ้าคุณกำลังจะซื้อเก้าอี้จำนวนมาก
คุณสามารถถามพนักงานเพื่อนำมาลองให้พนักงานของคุณลองใช้สินค้าดูก่อนและจะได้มีส่วนร่วมในการเลือกเก้าอี้ที่ชอบและ
เหมาะสม
ในขณะที่พนักงานส่วนใหญ่สามารถใช้เก้อี้ขนาดมาตรฐานได้
คุณควรให้ตัวเลือกสำหรับพนักงานที่มีรูปร่างเล็ก ใหญ่ และน้ำหนักมากด้วย